Background
เพื่อแก้ไขปัญหาที่ผู้ขายมักพบเจอในการเร่งขยายแคมเปญใหม่ให้มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงแคมเปญเดิมให้ดีขึ้น เราจึงได้เปิดตัว“Rapid Boost” เครื่องมือเร่งประสิทธิภาพอัจฉริยะ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถขยายแคมเปญได้เร็วขึ้น และบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจากแคมเปญโฆษณา
Rapid Boost คืออะไร?
Rapid Boost เป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยอัลกอริทึมและเปิดใช้งานโดยผู้ขาย สำหรับแคมเปญแบบ GMV Max Custom ROAS โดยเฉพาะเมื่อผู้ขายเปิดสวิตช์ “Rapid Boost” ระบบจะเร่งประสิทธิภาพของแคมเปญโดยอัตโนมัติ ผ่านการเพิ่มทราฟฟิกให้มากขึ้น พร้อมกับทดลองปรับค่า ROAS ให้ต่ำกว่าค่าเป้าหมายของผู้ขายได้สูงสุดถึง 30% ฟีเจอร์นี้ช่วยให้แคมเปญสามารถ“ทะลุช่วงเรียนรู้” หรือช่วงที่มีทราฟฟิกสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ขายที่ต้องการเน้นเพิ่มยอดขายเป็นหลัก
Rapid Boost ช่วยแคมเปญได้อย่างไร?
Campaigns ในช่วงเรียนรู้
- จุดสำคัญ : แคมเปญใหม่มักเริ่มต้นได้ช้าในช่วง 7 วันแรกของ ช่วงเรียนรู้ (Learning Phase) เนื่องจากมีข้อมูลจำกัดและทราฟฟิกค่อนข้างต่ำ ทำให้ดึงดูดผู้ซื้อได้ยาก และประสิทธิภาพเริ่มต้นของแคมเปญอาจไม่ดีเท่าที่ควร
- วิธีแก้ปัญหา : Rapid Boost ช่วยให้แคมเปญใหม่สามารถดึงทราฟฟิกและสร้างยอดสั่งซื้อได้เร็วขึ้น โดยเร่งประสิทธิภาพของแคมเปญให้สามารถปิดการขายได้ไวขึ้น และช่วยให้แคมเปญใหม่สามารถผ่านช่วงเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
Campaigns หลังช่วงเรียนรู้
- จุดสำคัญ : แคมเปญที่ดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว (Mature Campaigns) มักเผชิญกับปัญหา ทราฟฟิกลดลง ประสิทธิภาพนิ่ง หรือ ผลลัพธ์ไม่คงที่ นอกจากนี้ ผู้ขายบางรายอาจประสบความยากลำบากในการขยายแคมเปญในช่วงที่มีทราฟฟิกสูงอีกด้วย
- การแก้ปัญหา : Rapid Boost มอบวิธีที่ง่ายและเชื่อถือได้ในการเพิ่มทราฟฟิกเมื่อแคมเปญต้องการ ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพของทราฟฟิกและเสริมแรงผลักดันเพิ่มเติม ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ขายสามารถคว้าโอกาสช่วงทราฟฟิกสูงได้อย่างรวดเร็ว และยกระดับประสิทธิภาพของแคมเปญให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
วิธีเปิดใช้งาน“Rapid Boost”สำหรับโฆษณาใหม่
- เข้าสู่ Shopee Ads: จากหน้าแรกของ Shopee Seller Center ให้ไปที่เมนู ศูนย์การตลาด (Marketing Center) จากนั้นเลือก Shopee Ads เพื่อเข้าสู่หน้าจัดการโฆษณา

- เข้าสู่เมนู Promote My Products: คลิกที่ “สร้างโฆษณาใหม่ (Create New Ads)”จากนั้นเลือก “โปรโมทสินค้าของฉัน (Promote My Product)”

- เลือก GMV Max Custom ROAS: ในหน้าสร้างโฆษณา เลือกสินค้าที่ต้องการโปรโมท ตั้งค่ารูปแบบการประมูล (Bidding Method) เป็น GMV Max Custom ROAS

- เปิดใช้งาน Rapid Boost: เลื่อนลงมาที่ส่วน “Rapid Boost”จากนั้นสลับปุ่ม (Toggle) เพื่อเปิดใช้งาน Rapid Boost สำหรับสินค้าที่คุณเลือกไว้


5
ตำแหน่งการเปิดใช้งาน“Rapid Boost”สำหรับโฆษณาที่มีอยู่
1) เมนูแนะนำ
2) Ads List Banner

- คลิก “Activate Now”บนเมนูแนะนำ หรือ ads list banner.
- เลือกสินค้าที่ต้องการในหน้าป็อปอัพ จากนั้นคลิก“เปิดใช้งาน (Activate)”เพื่อเปิดใช้ฟีเจอร์ Rapid Boost

3) หน้า Ad Detail
- สถาณะของ Rapid Boost จะแสดงเป็นเปิดหรือปิด
- หากสถาณะปิดอยู่สามารถกดเพื่อเปิดใช้งานการใช้ Rapid boost และกดยืนยันได้

วิธีตรวจสอบว่าสินค้าเปิดใช้งาน Rapid Boost แล้วหรือยัง
วิธีที่ 1: ตรวจสอบในรายการโฆษณา (Ads List)
- สินค้าที่เปิดใช้งาน Rapid Boost จะแสดงป้าย “Rapid Boost” ในรายการโฆษณา (Ads List) และสินค้าที่ไม่ได้เปิดใช้งานจะไม่มีป้ายนั้นแสดง

วิธีที่ 2: ตรวจสอบที่หน้ารายละเอียดโฆษณา (Ad Detail Page)
- สินค้าที่เปิดใช้งาน Rapid Boost จะมีสวิตช์ (Toggle) Rapid Boost อยู่ในสถานะเปิด (On) บนหน้ารายละเอียดโฆษณา (Ad Detail Page) ส่วนสินค้าที่ไม่ได้เปิดใช้งานจะอยู่ในสถานะปิด (Off)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Rapid Boost
- เมื่อผู้ขายเปิดใช้งาน Rapid Boost การคำนวณจำนวนเงินที่มีสิทธิ์ได้รับ ROAS Protection จะเป็นอย่างไร?
- เมื่อผู้ขายเปิดใช้งาน Rapid Boost ในขณะที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง ROAS จำนวนเงินที่มีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครอง ROAS จะถูกคำนวณจากส่วนต่างระหว่าง ROAS ที่แท้จริงของคุณกับ 70% ของค่า ROAS เป้าหมายของคุณ
- จำนวนเงินที่มีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครอง ROAS = ค่าใช้จ่ายโฆษณารายวัน - [ยอดขายผ่านโฆษณารายวัน ÷ (70% × ค่า ROAS เป้าหมาย)]
- ผู้ขายสามารถใช้ฟีเจอร์ Rapid Boost และ Campaign Surge พร้อมกันได้หรือไม่?
- สามารถทำได้, ผู้ขายสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Rapid Boost และ Campaign Surge พร้อมกันได้ เมื่อทั้งสองฟีเจอร์ถูกเปิดใช้งาน ผู้ขายจะเห็นว่า Campaign Surge จะลดค่าเป้าหมาย ROAS ลงได้สูงสุดถึง 30% ในการตั้งค่าแคมเปญ จากนั้น Rapid Boost จะช่วยให้ระบบสามารถทดลอง ROAS ที่ต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่ถูกปรับนี้ได้สูงสุดอีก 30%
- ตัวอย่างเช่น หากผู้ขายตั้งค่า ROAS เป้าหมายไว้ที่ 10 และเปิดใช้งานทั้งสองฟีเจอร์ Campaign Surge จะลดค่า ROAS เป้าหมายลงได้สูงสุด 30% เหลือ 7 จากนั้น Rapid Boost จะทดลองค่า ROAS ที่ต่ำกว่าค่า 7 ลงอีกสูงสุด 30% ซึ่งหมายความว่าระบบจะมุ่งเน้นให้ได้ทราฟฟิกที่เหมาะสมที่สุด พร้อมรักษาค่า ROAS ไว้ไม่น้อยกว่า 4.9 (7 × 70%)
- ความแตกต่างระหว่างการใช้ Rapid Boost และการปรับลด ROAS ด้วยตนเองคืออะไร?
เมื่อเทียบกับการปรับด้วยตนเอง Rapid Boost มีข้อได้เปรียบหลัก 2 อย่าง คือ
- กลยุทธ์การประมูลที่ชาญฉลาดกว่า: Rapid Boost จะปรับสำรวจ ROAS ที่ต่ำลงแบบไดนามิกเฉพาะเมื่อช่วยเพิ่ม GMV อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยให้ผู้ขายใช้ศักยภาพในช่วง ROAS 70%-100% ได้เต็มที่ ขณะที่การปรับด้วยตนเองจะบังคับลด ROAS ทันที (เช่น เหลือ 70%) แม้จะไม่แน่ใจว่าจะเพิ่ม GMV หรือไม่ ซึ่งผู้ขายอาจลังเล โดยเฉพาะในแคมเปญที่กำลังลดลง
- เพิ่มทราฟฟิกเพิ่มเติม: เมื่อผู้ขายเปิดใช้งาน Rapid Boost ระบบจะให้การเพิ่มทราฟฟิกมากกว่าการปรับด้วยตนเอง