วิธีการทำโฆษณา

ในสถิติผลการดำเนินการโฆษณา จะมีตัวชี้วัดผลดังต่อไปนี้ 

1. จำนวนผู้เข้าชมสินค้า (Impression)

จำนวนผู้เข้าชมสินค้าจะแสดงจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฏบนหน้าแสดงสินค้าเมื่อผู้ซื้อใช้ Keyword ตรงกับ Keyword ที่ร้านค้าได้ประมูลไว้ 

1. จำนวนคลิก

จำนวนคลิก จะเป็นตัววัดจำนวนที่ผู้ซื้อคลิกที่โฆษณา และเข้าไปดูรายละเอียดสินค้า หลังจากที่เห็นโฆษณาปรากฏในหน้าผลค้นหา

1. อัตราการคลิก (CTR)

 CTR คือ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนคลิกต่อจำนวนผู้เข้าชมสินค้าทั้งหมด ตัวอย่าง 100 ผู้เข้าชมสินค้า มีทั้งหมด 20 คนที่เข้ามาคลิกสินค้า : CRT = 20% อัตราจำนวนสินค้าที่ขายแล้วต่อจำนวนคลิกสูง หมายความว่า โฆษณาของร้านค้ามีประสิทธิภาพที่ดี หากอัตรา CTR สูง จะมีผลต่อลำดับของโฆษณาให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

1. จำนวนออเดอร์ 

จำนวนออเดอร์ เป็นออเดอร์จากที่ผู้ซื้อที่คลิกโฆษณาภายใน 7 วันหลังจากการลงโฆษณา ใน 1 ออเดอร์อาจจะมีสินค้าที่ทำโฆษณาอยู่มากกว่า 1 สินค้า

1. สินค้าที่ขายแล้ว

สินค้าที่ขายแล้ว คือจำนวนออเดอร์ทั้งหมดที่ขายได้ภายใน 7 วันหลังจากการลงโฆษณา ตัวอย่าง ร้านค้าทำโฆษณาสินค้าเสื้อ หลังจากนั้นผู้ซื้อทำการสั่งและชำระสินค้าเป็นเสื้อยืด 3 ตัว ดังนั้นจำนวนออเดอร์คือ 1 และ จำนวนสินค้าที่ขายแล้วคือ 3

1. ยอดขาย (GMV)

ยอดขาย คือจำนวนเงินที่ขายได้ทั้งหมด ภายใน 7 วันหลังจากการลงโฆษณา  

1. ค่าใช้จ่าย

ยอดรวมของราคาต่อคลิก โปรดทำให้แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายของคุณอยู่ในงบประมาณการโฆษณา

1. อัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน

อัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน (ROAS) วัดจากยอดขายที่ได้จากการโฆษณา 

1. อัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน = ยอดขาย ÷ ค่าใช้จ่าย
2. ตัวอย่าง หากยอดขายจากการโฆษณาคือ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายโฆษณาคือ 2,000 บาท ดังนั้น อัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน (ROAS) = 5

1. อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (ACOS) 

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (ACOS) คือการวัดผลของค่าใช้จ่ายและรายได้รวมที่มาจากการทำโฆษณา หากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดําเนินงานต่อรายได้รวมต่ำ กำไรที่ร้านค้าได้จากการทำโฆษณาก็จะสูงขึ้น

1. อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดําเนินงานต่อรายได้รวม = ค่าใช้จ่าย ÷ รายได้ x 100%
2. ตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายโฆษณาคือ 2,000 บาท และยอดขายที่ได้จากการโฆษณาคือ 10,000 บาท ดังนั้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดําเนินงานต่อรายได้รวมคือ 20%
3. อันดับโดยเฉลี่ย

อันดับโฆษณาของร้านค้าโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโฆษณาอื่นๆ โดยนับเฉพาะอันดับของสินค้าที่มีการโฆษณาเท่านั้น ไม่รวมสินค้าอื่นที่ปรากฏพร้อมกัน (บนหน้าผลการค้นหา)

หากอันดับโฆษณาคือ 8 โฆษณาของร้านค้าจะปรากฏลำดับโฆษณาที่ 8 ไม่ใช่ สินค้าตำแหน่งที่ 8 บนหน้าผลการค้นหา ยิ่งเลขอันดับโฆษณาที่ต่ำ หมายความว่าตำแหน่งของโฆษณาจะอยู่ในลำดับต้นๆ ตัวอย่าง อันดับโฆษณาที่ 1 จะมีตำแหน่งที่ดีกว่าอันดับโฆษณาที่ 2,3 และต่อๆไป 

1. สินค้าที่ขายแล้ว (%CR)

สินค้าที่ขายแล้ว (%CR) คือจำนวนสินค้าที่ขายได้ต่อคลิก

1. %CR = สินค้าที่ขายได้ ÷ คลิก x 100%

1. ราคาต่อคลิก (CPC)

ราคาต่อคลิก (CPC) คือการคิดเงินค่าโฆษณา Shopee Ads

1. ค่าโฆษณา = จำนวนครั้งที่ผู้ซื้อคลิกไปดูสินค้า x ราคาประมูลของคีย์เวิร์ดนั้น

วิธีตรวจสอบการดำเนินการโฆษณา Keyword Ads

คุณสามารถตรวจสอบการดำเนินการโฆษณาผ่านทางแอพลิเคชั่น Shopee หรือล็อกอินใน Seller Center บนเว็บบราวเซอร์

1.ล็อกอินเข้าสู่ระบบผ่านแอพลิเคชั่น Shopee 

คุณสามารถตรวจสอบการดำเนินการโฆษณาได้โดยเลือกที่แถบเมนู “ฉัน”

1.เลือกเมนู “ร้านของฉัน”ที่อยู่ด้านซ้ายของแถบเมนู “ฉัน” 

2.เลื่อนลงมาและเลือก “Shopee Ads” 

3.คลิก “Keyword Ads”

4.เลือกสินค้าจากรายการใน Keyword Ads และปรับเปลี่ยนช่วงระยะเวลาที่ต้องการตรวจสอบประสิทธิภาพของการโฆษณา

2.ล็อกอินเข้าสู่ระบบ Seller Center ผ่านทางเว็บบราวเซอร์

หลังจากที่ล็อกอินใน Seller Center ร้านค้าสามารถคลิกที่ “Shopee Ads” ซึ่งอยู่บนแถบด้านซ้ายของหน้า

1. สถิติโดยรวม

สถิติโดยรวมจะอยู่ด้านบนสุดของหน้า Keyword Ads ซึ่งจะช่วยร้านค้าทำความเข้าใจผลลัพธ์การทำโฆษณา Keyword Ads โดยรวมได้

วิธีการตรวจสอบผลลัพธ์การทำโฆษณาในแต่ละช่วงเวลา

1.เลือกช่วงเวลาที่ต้องการ

1. สถิติของแต่ละสินค้า

สถิติของแต่ละสินค้าจะช่วยให้ร้านค้าเข้าใจผลลัพธ์ของแต่ละ Keyword และสินค้า เพื่อปรับปรุงโฆษณาให้ดีขึ้น

วิธีการดาวน์โหลดสถิติของแต่ละสินค้า

1.กำหนดระยะเวลาที่ต้องการ

2.คลิก ดาวน์โหลดข้อมูล

1. สถิติของแต่ละ Keyword

สถิติของแต่ละ Keyword จะช่วยให้ร้านค้าเข้าใจประสิทธิภาพ Keyword แต่ละคำที่ใช้ในการโฆษณา

วิธีการดาวน์โหลดสถิติของแต่ละ Keyword

1.เลือกสินค้า

2.กำหนดระยะเวลาที่ต้องการ

3.ดาวน์โหลดข้อมูล

เคล็ดลับสำหรับการตรวจสอบโฆษณา Keyword Ads ของคุณ

1.สำหรับการทำโฆษณาครั้งแรก ควรดาวน์โหลดรายงานผลลัพธ์การทำโฆษณาหลังจากการทำโฆษณา 2 สัปดาห์ และไม่ควรทำการเปลี่ยนแปลง Keyword มากจนเกินไป

2.ควรเช็คผลการโฆษณาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อปรับแต่งโฆษณาของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.หมั่นดาวน์โหลดและเก็บข้อมูลผลลัพธ์การทำโฆษณาอยู่เสมอ ร้านค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้สูงสุด 90 วัน